จังหวัดตราดเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านการท่องเที่ยว การค้าระหว่างประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจจากภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ส่งผลให้พื้นที่เขตเมืองมีการขยายตัวรวดเร็ว โดยเฉพาะในย่านการค้าและที่พักอาศัย ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดจากการที่ต้องใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนเพชรเกษม) เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางผ่านตัวเมือง ซึ่งไม่สามารถรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลาเร่งด่วน กรมทางหลวงชนบทจึงมีแผนก่อสร้างถนนสาย ก1 ข และ ค1 ตามผังเมืองรวมเมืองตราด เพื่อเป็นทางเลี่ยงเมือง (By Pass) และเชื่อมโยงโครงข่ายถนนให้สมบูรณ์มากขึ้น รองรับการขนส่งและการขยายตัวของชุมชน รวมถึงส่งเสริมการค้าและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อถนนสาย 48 จากประเทศกัมพูชา

          อย่างไรก็ตาม โครงการก่อสร้างถนนสาย ข มีบางช่วงที่ต้องตัดผ่านพื้นที่ป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 กำหนดให้โครงการประเภทถนนที่ตัดผ่านป่าชายเลนต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อประเมินผลกระทบต่อระบบนิเวศและชุมชนโดยรอบ ด้วยลักษณะโครงการที่มีความซับซ้อนและครอบคลุมพื้นที่อนุรักษ์ จึงมีความจำเป็นต้องว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการจัดทำรายงาน EIA อย่างเป็นระบบ เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และขั้นตอนในการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม กำหนดให้ ลำดับที่ 20 ทางหลวงหรือถนน ซึ่งมีความหมายตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง ที่ตัดผ่านพื้นที่ดังต่อไปนี้ ข้อ 20.4 พื้นที่ป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวงชนบทจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการจ้างที่ปรึกษาดำเนินงานโครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมถนนสาย ข ผังเมืองรวมเมืองตราด จังหวัดตราด เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีลักษณะงานที่มีความซับซ้อนมาก เพื่อรองรับปริมาณจราจรในอนาคตและการสัญจรได้รับความสะดวกและปลอดภัย ตลอดจนแก้ไขปัญหาด้านการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ